.jpg) |
| แหล่งที่มาของรูปจาก www.skysports.com |
David Moyes เขาเป็นใคร?
เดวิด วิลเลียม มอยส์ (เกิด 25 เมษายน พ.ศ. 2506) เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล อาชีพชาวสก็อตแลนด์และอดีตผู้เล่นที่เป็นผู้จัดการทีมเวสต์แฮมยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก ก่อนหน้านี้เขาเคยคุมเปรสตัน นอร์ธเอนด์, เอฟเวอร์ตัน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล โซเซียดาด และซันเดอร์แลนด์ มอยส์เป็นผู้จัดการทีม League Managers Association of the Year 2003, 2005 และ 2009 นอกจากนี้เขายังอยู่ในคณะกรรมการบริหารของ League Managers Association ในตำแหน่งผู้บริหารอีกด้วย
มอยส์ลงเล่นในลีกมากกว่า 540 นัดในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กในอาชีพการเล่นที่เริ่มต้นกับเซลติก ซึ่งเขาได้รับรางวัลเหรียญแชมป์ จากนั้นเขาเล่นให้กับเคมบริดจ์ ยูไนเต็ด, บริสตอล ซิตี้, ชรูว์สบิวรี ทาวน์ และดันเฟิร์มลิน แอธเลติก ก่อนที่จะยุติอาชีพการเล่นกับเปรสตัน นอร์ธเอนด์ เขาเป็นโค้ชที่เพรสตัน โดยก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม ก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในที่สุดในปี 2541 ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้จัดการทีมครั้งแรกของเขา มอยส์นำเพรสตันคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ในปี พ.ศ. 2542–2543 และดิวิชั่น 1 รอบชิงชนะเลิศในฤดูกาลถัดมา
.jpg) |
| แหล่งที่มาของรูปจาก www.theathletic.com |
การเป็นนักเตะระดับอาชีพ ของเจ้าตัว
มอยส์เกิดที่เมืองกลาสโกว์ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับสโมสรไอซ์แลนดิก ÍBV โดยลงเล่นครึ่งฤดูกาลกับทีมเยาวชนในปี 1978 มอยส์สนุกกับอาชีพค้าแข้งที่ครอบคลุมการเล่นให้กับหลายสโมสร โดยปกติแล้วจะเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ออกสตาร์ทให้กับเซลติก ซึ่งเขาได้รับเหรียญแชมป์และลงเล่นในลีก 24 นัด เขาลงเอยที่เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ในฐานะผู้เล่นของ Cambridge United Moyes ได้รับการดูหมิ่นจากเพื่อนร่วมทีม Roy McDonough สำหรับความเชื่อทางศาสนาของเขา Moyes เป็นคริสเตียนที่ฝึกฝน
McDonough รู้สึกว่าศาสนาทำให้พวกเขาเสียสมาธิจากการมุ่งความสนใจไปที่การเล่น เมื่อพูดถึงมอยส์, อลัน คอมฟอร์ต และเกรแฮม แดเนียลส์ เขาพูดว่า พวกเขาทั้งสามนั่งอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับสมุดสีดำ พูดคุยเกี่ยวกับศรัทธาของพวกเขา หลังจากเสมอ 3–3 กับวีแกนแอ ธ เลติกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2528 แมคโดนัฟซึ่งอายุ 26 ปีในขณะนั้นกล่าวว่าเขา "ทุบตี" มอยส์ที่ใช้ความพยายามไม่เพียงพอในเกม
 |
| แหล่งที่มารูปภาพจากเว็บ www.lep.co.uk |
ประวัติเจ้าตัว ในด้านนอาชีพผู้จัดการทีม สโมสร
สโมสร เพรสตัน นอร์ท เอนด์
มอยส์เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเพรสตัน นอร์ธเอนด์ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2541 แทนที่แกรี ปีเตอร์ส ในขณะที่สโมสรประสบปัญหาในดิวิชั่น 2 และตกอยู่ในอันตรายจากการตกชั้น เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพค้าแข้งเพื่อเตรียมตัวรับตำแหน่งผู้บริหาร ได้รับตราการเป็นโค้ชเมื่ออายุเพียง 22 ปี และรวบรวมบันทึกของผู้จัดการทีมที่เขาเล่นด้วย เทคนิคและยุทธวิธีของพวกเขาเพรสตันหลีกเลี่ยงการตกชั้นเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 1997–98 และเข้าถึงรอบตัดเชือก ดิวิชั่นสอง ในฤดูกาลถัดมาพวกเขาแพ้จิลลิงแฮมในรอบรองชนะเลิศ
ฤดูกาลถัดมา มอยส์พาเปรสตันคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 และเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการพาเพรสตันเข้าสู่รอบเพลย์ออฟดิวิชั่น 1 ในฤดูกาลถัดมา ส่วนใหญ่ใช้ทีมเดียวกัน เพรสตันแพ้โบลตันวันเดอเรอร์ส 3–0 ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 ปี 2544 โดยพลาดการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก หนึ่งเดือนต่อมา มอยส์เซ็นสัญญาใหม่ห้าปีกับสโมสรในปี พ.ศ. 2544 ขณะที่ศึกษาใบอนุญาตยูฟ่าโปร มอยส์เดินตามรอยของเขา ฮอดจ์สันที่อูดิเนเซ่ในช่วงหกเดือนของฮอดจ์สันที่สโมสร ในตอนท้ายของฤดูกาลถัดมา เขาย้ายไปเอฟเวอร์ตันเพื่อรับช่วงต่อจากเพื่อนชาวสกอต วอลเตอร์ สมิธ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2545 มอยส์คุมเพรสตันในการแข่งขัน 234 นัด ซึ่งทีมของเขาชนะ 113 และเสมอ 58. แพ้ 63 นัด
 |
| แหล่งที่มารูปภาพจากเว็บ www.pantip.com/topic/30467032 |
สโมสร เอฟเวอร์ตัน
มอยส์เข้าร่วมเอฟเวอร์ตันเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2545 และในงานแถลงข่าวเปิดตัว ประกาศว่าเอฟเวอร์ตันเป็น 'สโมสรของประชาชน' บนเมอร์ซีย์ไซด์ เขากล่าว
“ฉันมาจากเมือง (กลาสโกว์) ที่ไม่ต่างจากลิเวอร์พูล ฉันเข้าร่วมสโมสรฟุตบอลของประชาชน ผู้คนส่วนใหญ่ที่คุณพบบนท้องถนนคือแฟนบอลเอฟเวอร์ตัน มันเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยม มันคือสิ่งที่คุณฝันถึง” ฉันพูดว่า 'ใช่ เพราะว่ามันเป็นสโมสรที่ใหญ่มาก' เกมแรกของเขาที่รับผิดชอบคือสองวันต่อมา กับฟูแล่มที่ กูดิสันพาร์ค เอฟเวอร์ตันชนะในเกม 2–1 โดยเดวิด อันสเวิร์ธทำประตูได้ในเวลาเพียง 30 วินาที
เอฟเวอร์ตันสามารถรักษาฟอร์มที่ดีและหลีกเลี่ยงการตกชั้นได้ ซึ่งเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงเมื่อเขาถูกแต่งขึ้นแต่แรก แม้จะมีประวัติและเกียรติยศเหนือกว่าลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฟุตบอลอังกฤษ แต่ทศวรรษนั้นไม่ค่อยประสบความสำเร็จสำหรับท๊อฟฟี่ โดยคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 1995 และจบอันดับที่ 6 ในปี 1996 ซึ่งเป็นจุดสว่างแห่งเดียวของสโมสรในช่วงปี 1990
 |
| แหล่งที่มารูปภาพจากเว็บ www.glory-manutd.club |
สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
มอยส์เซ็นสัญญา 6 ปีกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เขาเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 มอยส์ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมโดยเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และหลังจากได้รับการแต่งตั้งก็มีป้ายอ่านว่า "ผู้ถูกเลือก" ซึ่งจัดแสดงอยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เกมแรกอย่างไม่เป็นทางการของเขาในฐานะผู้จัดการทีมยูไนเต็ดจบลงด้วยความพ่ายแพ้เมื่อ ธีรเทพ วิโนทัยยิงประตูเดียวให้สิงห์ออลสตาร์ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เขาได้รับถ้วยรางวัลเดียวกันกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นครั้งแรก เกมอย่างเป็นทางการของเขา: ชนะวีแกนแอธเลติก 2–0 ในเอฟเอคอมมิวนิตี้ชิลด์ นั่นหมายความว่าเขากลายเป็นผู้จัดการทีมยูไนเต็ดคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าถ้วยรางวัลในฤดูกาลแรกที่คุมทีม
ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เขาก็ชนะเกมลีกนัดแรกในการคุมสโมสร พวกเขาเปิดฤดูกาลด้วยชัยชนะเหนือสวอนซีซิตี้ 4–1 แต่ตั้งแต่นั้นมายูไนเต็ดก็ประสบปัญหาการออกสตาร์ทฤดูกาลในพรีเมียร์ลีกที่แย่ที่สุดเช่นกัน การเริ่มต้นการครองราชย์ของพระองค์ถูกอธิบายว่าเป็น "หายนะ" หลังจากพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูล 1–0, พ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ซิตี้ 4–1 และพ่ายแพ้ในบ้าน 2–1 ต่อเวสต์บรอมมิช อัลเบียน (ความพ่ายแพ้ในบ้านครั้งแรกของยูไนเต็ดต่อเวสต์บรอมวิชนับตั้งแต่ปี 1978) โดยนักข่าวหลายคนระบุว่าความกดดันยังคงมีอยู่แม้จะอยู่ในช่วงเร่งรีบก็ตาม ในระหว่างการครองราชย์ของเขา เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556 มอยส์เซ็นสัญญากับมารูยาน เฟลไลนีด้วยสัญญาสี่ปีพร้อมออปชั่นขยายออกไปอีกฤดูกาลหนึ่งได้ การกลับมารวมตัวกับอดีตผู้เล่นของเขาอีกครั้งในข้อตกลง 27.5 ล้านปอนด์ในวันครบกำหนด
 | ||||
|
เรอัล โซเซีย ดาด
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 มอยส์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าโค้ชคนใหม่ของสโมสรลาลีกา เรอัล โซเซียดาด ในข้อตกลง 18 เดือนหลังจากการไล่จาก Jakkoba อาราซาเต โดนถอด ทีมอยู่อันดับที่ 15 ของตาราง นัดแรกที่เขาคุมทีมคือเกมเยือนในลีกกับเดปอร์ติโบลาคอรุนญ่าเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งจบลงด้วยการเสมอกันแบบไร้สกอร์ หกวันต่อมา ในบ้านนัดแรกของเขาที่ Anoeta เขาได้รับชัยชนะครั้งแรกในฐานะโค้ชของสโมสร Carlos Vela ยิงแฮตทริกในเกมชนะเอลเช่ 3–0
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2015 มอยส์นำโซเซียดาดคว้าชัยชนะเหนือบาร์เซโลนา 1-0 ซึ่งส่งผลให้นักข่าวเปรียบเทียบกับการคุมทีมเอฟเวอร์ตัน และตรงกันข้ามกับผลงานของเขาที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดโดยสิ้นเชิง สิบวันต่อมา เกมเสมอกับบียาร์เรอัล 2–2 ในบ้านทำให้ทีมของเขาตกรอบโกปาเดลเรย์ มอยส์ถูกส่งขึ้นไปบนอัฒจันทร์ และต่อมาถูกแบนข้างสนาม 2 นัด จากการโต้เถียงเรื่องการตัดสินใจล้ำหน้า
 |
| แหล่งที่มารูปภาพจากเว็บ www.sanook.com/sport/253421/ |
ซันเดอร์แลนด์
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 มอยส์ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาแทนที่แซม อัลลาร์ไดซ์เป็นผู้จัดการทีมซันเดอร์แลนด์ กลับมาสู่พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาถูกไล่ออกจากตำแหน่งหัวหน้าทีมยูไนเต็ดในเดือนเมษายน 2014
เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 มีการเปิดเผยว่ามอยส์ได้แสดงความเห็นที่ขัดแย้งในการสัมภาษณ์หลังเกมหลังจากการเสมอแบบไม่มีประตูของซันเดอร์แลนด์กับเบิร์นลีย์เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 18 มีนาคม หลังจากการสัมภาษณ์กับวิคกี สปาร์กส์จาก BBC ขณะที่ไมโครโฟนยังเปิดอยู่ มอยส์กล่าวว่า : "ตอนจบมีความซนนิดหน่อย ดังนั้นระวังไว้นะ แม้จะโดนตบก็ยังโดนตบได้ 'ผู้หญิง คราวหน้าระวังด้วย' มอยส์ขอโทษสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว FA เขียนถึงมอยส์เพื่อขอข้อสังเกตของเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวในเดือนมิถุนายน 2018 เขาถูกปรับ 30,000 ปอนด์สำหรับความคิดเห็นของเขา มันเป็นคำตัดสินที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการอิสระในเดือนถัดมา
ซันเดอร์แลนด์ได้รับการยืนยันว่าจะตกชั้นสู่อีเอฟแอลแชมเปียนชิปเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560 หลังจากพ่ายแพ้ให้กับเอเอฟซีบอร์น มัทส์ 1–0 ถือเป็นการตกชั้นครั้งแรกในอาชีพของมอยส์ หลังการแข่งขันเขาระบุว่าเขาต้องการยังคงเป็นผู้จัดการทีมต่อไป อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 22 พฤษภาคม ซึ่งเป็นหนึ่งวันหลังจากสิ้นสุดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก มอยส์ก็ลาออก
 |
| แหล่งที่มารูปภาพจากเว็บ www.sportingnews.com |
เวสต์แฮมยูไนเต็ด
มอยส์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมเวสต์แฮมยูไนเต็ดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 โดยมีทีมอยู่ในโซนตกชั้น มันเป็นเกมแรกของมอยส์ที่คุมเวสต์แฮม และเป็นเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 500 ของเขาโดยแพ้ 2–0 ต่อ วัตฟอร์ด เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม เขาได้เป็นผู้จัดการทีมแฮมเมอร์สเป็นครั้งแรก โดยมาร์โก อาร์เนาโตวิชทำประตูเดียว เพื่อเอาชนะอดีตแชมป์เชลซีที่ลอนดอนสเตเดี้ยม
เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2561 เวสต์แฮมชนะฮัดเดอร์สฟิลด์ 4–1 ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งที่ 200 ของมอยส์ในฐานะผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีก เขากลายเป็นเพียงบุคคลที่สี่ที่บรรลุเป้าหมายนี้ ต่อจากเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, อาร์แซน เวนเกอร์ และแฮร์รี เรดแนปป์ หลังจากชนะเลสเตอร์ซิตี้ 2–0 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 โดยเหลืออีกสองเกม ของฤดูกาล มอยส์ช่วยให้เวสต์แฮมหนีจากพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2017–18 ข้อตกลงหกเดือนของเขากับเวสต์แฮมหมดลงในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 และเขาก็ออกจากสโมสรหลังจากนั้นไม่นาน
การกลับมา เวสต์แฮมยูไนเต็ด อีกครั้ง
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2019 มอยส์กลับมารับบทบาทผู้จัดการทีมเวสต์แฮมยูไนเต็ดอีกครั้งด้วยสัญญา 18 เดือน เขาเข้ามาแทนที่มานูเอล เปเญกรินี่ซึ่งทำให้พวกเขาอยู่อันดับที่ 17 ของตารางพรีเมียร์ลีก โดยมีแต้มเหนือโซนตกชั้นอยู่หนึ่งแต้ม เมื่อพูดถึงการกลับมาของเขาที่เวสต์แฮม มอยส์กล่าวว่า “ผมคิดว่ามีผู้จัดการทีมเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่มีสถิติชัยชนะที่ดีกว่าในพรีเมียร์ลีก นั่นคือสิ่งที่ฉันทำ. ผมชนะ. ฉันมาที่นี่เพื่อให้เวสต์แฮมชนะและได้รับ พวกเขาอยู่นอกสามอันดับสุดท้าย”
เกมแรกของเขาที่กลับมาส่งผลให้ชนะบอร์นมัธ 4–0 ในพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2020 เวสต์แฮมจบอันดับที่ 16 ในพรีเมียร์ลีกด้วย 39 แต้มหนึ่งแต้ม ต่ำสุดนับตั้งแต่ปีที่แล้ว 19 เกมของมอยส์ที่คุมทีมอยู่ 20 แต้มมากกว่า 19 เกมก่อนหน้าที่มานูเอลคุม เปเญกรินี่หนึ่งแต้ม
แหล่งที่มาบทความ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น